คำถามที่พบบ่อย

A: เป็นคำตอบที่ค่อนข้างกว้างครับ เพราะขึ้นอยู่กับสเปคเพชร(4Cs) โดยตลาดโลกจะมีราคาเพชรสากลเป็นราคากลางที่จะเรียงว่าRAPAPORT  
ตารางนี้AVIRAได้คำนวนและเปลี่ยนแปลงสกุลเงินมาให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจราคาเพชรเบื้องต้น

ราคาเพชรAVIRAจะอ้างอิงโดยการ นำราคากลางRAPAPORTในตารางมาทำส่วนลดให้กับลูกค้า

ถ้ามีสเปคในใจก็สามารถกดเช็คได้ในหน้า “ราคาเพชร” ได้เลยครับ(ราคาของเพชรขึ้นอยู่กับสเปคที่ผู้ซื้อต้องการ มี4ข้อหลักๆ คือ ขนาด สี ความสะอาด การเจียระไน ดังนั้น 1กะรัต อาจเริ่มต้นที่ 2แสนไปจนถึงxx ได้ หากต้องการเปรียบเทียบให้ชัดเจน สามารถเข้าไปดูได้ที่ ราคากลางRAPAPORT ได้เลยครับ

A: เพชรของ AVIRA ขนาดตั้งแต่ 0.30ct ขึ้นไปทุกเม็ดมีใบเซอร์เพชรจากสถาบัณGIA และ HRD อันดับ1และ2ของ โลกเท่านั้น
และในเครื่องประดับทุกชิ้นของ AVIRA มีบัตร Certificate รับประกันเพชรแท้ทองแท้ ของ AVIRA กำกับไปด้วย
(AVIRA คัดสรรเพชรที่มีคุณภาพ  เพชรขนาด 0.30กะรัตขึ้นไปที่ซื้อจากทางร้านจะมีใบรับประกันของทางร้าน และใบรับรองเพชรจาก GIA และHRD สถาบันอัญมณีศาสตร์ที่มีมาตรฐานอันดับ1 และ2ของโลก และเครื่องประดับทุกชิ้นจะมีใบรับประกันของAVIRA)

A: ใช่ครับ เพชรที่ไม่มีใบเซอร์ถูกกว่า แต่ไม่ได้หน้าซื้อกว่าเสมอไป ต้องดูไปกรณีไป 
เพชรขนาดตั้งแต่ 0.30ct ขึ้นไปนั้น อวีราแนะนำให้ซื้อเพชรที่มีใบเซอร์จากสถาบันรับรอง
เพราะเราจะได้รู้ถึงคุณภาพของเพชรตามที่สถาบันวิจัยได้ประเมินไว้ เมื่อรู้คุณภาพของเพชรแล้วก็จะสามารถเปรียบเทียบราคาได้

ตารางต่อไปนี้คือค่าใช้จ่ายในการออกใบCertificate จากสถาบัน GIA  ในแต่ละช่วงน้ำหนัก

 

จากตารางข้างต้นคงจะเห็นได้ว่าในเพชรเม็ดใหญ่ๆนั้น ค่าใช้จ่ายในการออกใบรับรองนั้นเมื่อเทียบกับมูลค่าเพชรแล้วแทบไม่ทำให้เพชรแพงขึ้นเลย
แต่จะสังเกตได้ว่าในเพชรเม็ดเล็กๆโดยเฉพาะขนาดที่ต่ำกว่า 0.30ct นั้น ค่าธรรมเนียมการออกใบรับรองนั้นคิดได้เป็น 15-20% ของราคาเพชรเลยทีเดียว

โดยทุกวันนี้สถาบัน GIA รับตรวจสอบและออกใบรับรองคุณภาพเพชร ในเพชรขนาดเล็กสุด 0.15ct ซึ่งเป็นคำตอบได้ว่าในแหวนเพชรแถวหรือเครื่องเพชรเล็กๆทำไมถึงไม่มีใบเซอร์ เพราะการออกใบรับรองนั้นไม่คุ้มกับตัวมูลค่าของเพชรนั่นเอง

A: ตลาดโลกนั้นมีราคากลางที่เรียกว่า Rapaport price list เป็นราคากลางที่ยอมรับกันทั่วโลก มีการปรับราคาบ้าง แต่จะไม่ผันผวนเหมือนราคาทอง 
(เพชรมีราคาตลาดโลกเช่นเดียวกับทอง แต่จะผันผวนน้อยกว่า โดยยึดราคากลาง จาก Rapaport เครือข่ายการซื้อขายเพชรระดับโลกที่ให้ความโปร่งใสสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย)

ราคาข้างต้นเป็นราคากลางของเพชรในตลาดโลกซึ่งเวลาซื้อขายเราจะอิงจากราคากลางมาลดเป็น%ให้กับลูกค้า  เป็นที่มาของเปอร์เซ็นส่วนลด 
สามารถเข้าไปดูราคา RAPAPORT ทุกช่วงน้ำหนักได้ที่หน้า ราคาเพชร RAPAPORT

A:  1.)  น้ำหนัก=กะรัต (Carats) ยิ่งหนักยิ่งใหญ่ ยิ่งแพง

 

2.)น้ำ=สี (Color) ยิ่งขาว ยิ่งแพง (D-E-F=100-99-98) (G-H-I-J=97-96-95-94) (K-M-L=93-92-91)
       
3.)ความสะอาด=ตำหนิ (Clarity) ยิ่งตำหนิน้อยยิ่งแพง FL IF VVS1 VVS2 VS1 VS2 SI1 SI2 (ร้าน AVIRA จะใช้เพชรในความสะอาดที่ไม่ต้ำกว่าVS และถ้าเป็นเพชรเม็ดเล็กในตัวเรือนจะใช้ความสะอาดในระดับ VVS)

4.) การเจียระไน (Cut) ยิ่งสมส่วน ยิ่งสวย 3Excellent ในเพชรกลมที่มีขนาดตั้งแต่ 0.30ctขึ้นไป AVIRA จะใช้ เพชรที่มีการเจียรนัยในระดับสูงสุดที่ 3Excellent เท่านั้น ส่วนในเพชรเล็กขึ้นตัวเรือนต่ำกว่า 0.30ct เราคัดความสมมาตรของเพชรให้ได้ในระดับประมาณ 3EX โดยนักอัญมณีศาสตร์ เพื่อความสวยเป็นประกายของตัวเรือน จึงทำให้บางท่านเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเวลาเปรียบเทียบกับตัวเรือนบางร้านที่นำเพชรคัตติ้งหนาๆไม่เป็นประกายมาขายในราคาถูกเกินกว่าความเป็นจริง

 

*** ทั้ง4 อย่างนี้สามารถดูเปรียบเทียบได้ตามรูป***  
ถ้าต้องการกอ่าน4Csเพิ่มเติม สามารถกด-> ไปหน้าวิธีเลือกซื้อเพชร

 A: นักอัญมณีศาสตร์ได้แบ่งกลุ่มสีไว้เป็นช่วงๆ

น้ำ 100-99-98 (D-E-F) = “กลุ่มไร้สี” Colorless คือกลุ่มที่ขาวที่สุดในโลก
สมมุติว่าถ้านำ เพชรน้ำ100 D color มาเปรียบเทียบกับ เพชรน้ำ98 F color บนตัวเรือน สามารถแยกออกจากกันได้ยากมากๆถึงแยกไม่ออกเลย จึงทำให้ น้ำ100กับ98นั้นเป็นเพชรไร้สีกลุ่มเดียวกัน การแยกหรือที่เรียกว่าการเกรดเพชรของนักอัญมณีศาสตร์นั้นต้องแยกบนกระดาษขาวในห้องที่มีการควบคุมแสงไฟ

น้ำ 97-96-95-94 (G-H-I-J) = “กลุ่มเกือบไร้สี” Near Colorless เป็นกลุ่มสียอดฮิตในเพชรไซส์1กะรัตขึ้นไปจนถึง5กะรัต ได้รับความนิยมในตลาดมากเพราะหลายคนเข้าใจว่ากลุ่มไร้สีจะมีราคาแพงจนซื้อไม่ไหว โดยเฉพาะน้ำ 97 หรือ G Color ที่มีความขาวใกล้เคียงกับกลุ่มไร้สีในราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก และไม่ติดเหลืองจางๆเท่าน้ำ 95-94 I-J Color แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพชรกลุ่มนี้พอนำมาขึ้นตัวเรือนแล้วก็ยังทำให้เพชรขาวสวยแบบไม่ต้องคิดมาก

น้ำ 93-92-91 (K-M-L) = “กลุ่มอมเหลืองนิดๆ” Faint เพชรกลุ่มนี้เป็นสีที่เรามองเห็นความเหลืองได้ด้วยตาเปล่าถึงแม้จะไม่ได้เป็นมืออาชีพก็ตาม ฟังแล้วอาจจะดูน่ากลัวแต่ น้ำ 93 หรือ K Color ก็ยังเป็นที่นิยมซื้อขายกันในเพชรที่มีน้ำหนักสูงๆ ตั้งแต่5กะรัตจนไปถึงหลัก10กะรัต เพราะมีราคาย่อมเยากว่า พอขึ้นตัวเรือนแล้วอมเหลืองไม่มาก

น้ำ 85-78 (S-Z) = “เพชรสีเหลืองอ่อน” ราคาไม่สูงแต่ไม่ได้มีในตลาดมากนัก เพราะไม่ได้เป็นที่ต้องการ

น้ำ FANCY Color = “เพชรสี” เพชรแท้ธรรมชาติยังมีสีอีกมากมาย เช่น เหลือง เขียว ม่วง ชมพู ฟ้า เทา ดำ โดยราคาเพชรที่แพงที่สุดคือ น้ำเงินกับแดง รองลงมาเป็น ชมพูกับฟ้า ถ้ายิ่งมากับความสะอาดสูงๆราคาต่อกะรัตก็สามารถพุ่งไปถึงหลักหลายสิบล้าน หรือร้อยล้านได้สบายๆ  ไปหน้าวิธีเลือกซื้อเพชร

A: เราจะเห็นได้ว่าราคาของเพชรนั้นจะถูกแบ่งราคาตามช่วงน้ำหนักใน Rapaport (ทำตาราง Premium size)
เพชรน้ำหนักพิเศษหรือ Premium Size ในแต่ละช่วงน้ำหนักนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าขนาดทั่วไปจึงทำให้หายากกว่า และผู้นำเข้าเพชรจะได้มาในส่วนลดจากราคากลางที่น้อยกว่า

A: เพชร H&A คือเพชรที่ถูกเจียรไนยมาแล้วมีคุณลักษณะที่มีการตกกระทบของแสงอย่างสมมาตร
โดยสามารถมองเห็นโดยกล้องลักษณะพิเศษเท่านั้น

หลายท่านคงคิดว่า ถ้าเพชรมีการตกกระทบของแสงอย่างสมมาตรก็ต้องเป็นเพชร 3EX สิ
จริงๆแล้วไม่เสมอไปครับ เพชรที่ได้H&Aนั้น อาจจะเป็น 3EX หรือไม่ 3EX ก็ได้

ภาพข้างต้นคือตัวอย่างของเพชรที่ได้ 3EX แต่ไม่ได้ H&A 

ถ้างั้นเพชรที่ได้ทั้ง 3EX และ H&A ย่อมดีกว่าสวยกว่าเพชรที่ได้แต่3EXรึเปล่า?
A: คำตอบคือ ไม่สวยกว่าครับ การสะท้อนแสงการเป็นประกายสวยงามไม่ต่างกัน พูดได้ว่า H&Aนั้นเปรียบเสมือนคุณค่าทางจิตใจ
และเป็นกลยุทธ์ที่พ่อค้านำมาเพิ่มมูลค่าของตัวเพชร ซึ่งจริงๆแล้วเพชรที่ได้3EX H&Aแพงกว่าเพชรที่ได้ 3EX ธรรมดาอยู่เพียง5-10% 
ในบางกรณีที่มีดีลซื้อขายดีๆอาจจะได้มาในราคาที่ไม่ต่างกันเลย 

อวีรามีนักอัญมณีศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเพชรเม็ดใหญ่ สามารถจัดหานำเข้าเพชรทุกขนาดทุกสเปคจากทั่วโลก หากอ่านบทความแล้วมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ https://avirajewelry.com/contact อวีรายินดีให้คำปรึกษาฟรี

A: เป็นศัพท์ที่สมัยก่อนใช้บกบ่องถึงแหล่งเจียระไนเพชร และเพชรเบลเยี่ยมคัทได้รับการยอมรับให้เป็นคัทที่สวยที่สุด ซึ่งสมัยนี้เพชรที่เจียรไนย3Excellent คือเพชรที่คัทสวยที่สุด หมายความว่าเพชรที่คุณซื้้อเซอร์ GIA HRD คือเพชรเบลเยี่ยมคัทแน่นอน แต่เพชรเบลเยี่ยมคัทบางเม็ดที่ไม่มีใบเซอร์หรือไม่ได้3Ex อาจจะไม่ได้เป็นเพชรที่เจียระไนในเกรดที่สวยที่สุด
-สรุปคือเพชรเบลเยี่ยมคัทใช้เรียกแทนเพชรเหลี่ยมสวยครับ

ถ้าต้องการอ่านความรู้เกี่ยวกับคัตติ้งของเพชรสามารถเข้าไปอ่านได้ที่บทความ คลิกที่นี่

A: ราคาของร้านค้านั้นประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ต้องดูครับว่าใช้ทองกี่%  ใช้เพชรเกรดไหน เกรดไหนนั้นไม่ได้ดูเพียงแค่ความขาวอย่างเดียวเท่านั้น ต้องดูการเจียระไนกับความสะอาดด้วย ในเพชรเม็ดเล็กที่มาทำแหวนแถวนั้นส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 0.01ct-0.10ct หรือมากกว่านั้น

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆนะครับ เพชรเกรดที่มีขายให้กับโรงงานหรือหน้าร้านต่างๆนั้นมีหลากหลายเกรด
เพชร 0.03ct 3ตังค์ น้ำ 100-98 กลุ่มไร้สี ราคาเริ่มต้นที่ หลักพันบาทต่อกะรัตจนไปถึง 20,000-30,000 บาท ต่อกะรัต
เพชรกะรัตละหลักพันบาทเป็นเกรดที่ AVIRA ไม่เลือกใช้ ด้วย2เหตุผลครับ
1.) เจียระไนออกมามีขอบหนาเกินไป ไม่ได้สัดส่วน เพชรไม่เป็นประกาย ต่อให้เป็นน้ำ100 ขาวขนาดไหน ก็ดูไม่สวยเวลาขึ้นตัวเรือน จะดูด้านๆครับ
2.) ความสะอาดต่ำเกินไป มีมลทินหรือตำหนิภายในมากเกินในระดับSI จนกระทบการสะท้อนแสง และความเป็นประกายของเพชร
***สรุปได้ว่า น้ำ100อย่างเดียวนั้นไม่ได้แปลว่าเพชรจะสวยต้องดูส่วนประกอบอื่นประกอบไปด้วย***
AVIRA ไม่ใช้ตัวเรือนสำเร็จที่ทำมาเป็นจำนวนมากๆเพื่อขายให้ ผู้ประกอบการที่มีเพียงช่างฝัง นำไปฝัง ชุบแล้วนำมาขาย และเราไม่นำตัวเรือนทองสำเร็จมาชุบทองขาว เพื่อเปลี่ยนสีขายให้ลูกค้า ยกเว้นเพียงแค่ในกรณีที่เป็นของลูกค้าเองหรือสั่งทำเท่านั้น